วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
บทที่4
บทที่ 4
ผลการศึกษา / ผลการทดลอง
วิธีการทดลอง
- ทดลองนำน้ำยาล้างห้องน้ำสูตรมะกรูดกับสูตรสับปะรดไปใช้เปรียบเทียบกับน้ำยาที่ซื้อตามท้องตลาด ของคณะผู้จัดทำโครงงานทั้ง 5 คน พบว่า น้ำยาล้างห้องน้ำที่ทำจากมะกรูดใช้ได้ผลดีมีคุณภาพใกล้เคียงกับน้ำยาที่ซื้อจากตลาด ขจัดคราบสกปรกได้ดีกว่า น้ำยาที่ทำจากเปลือกสับปะรด แต่ฟองและกลิ่นหอมของน้ำยาจากเปลือกสับปะรดจะมีมากกว่าน้ำยาที่ได้จากมะกรูด น้ำยาทั้งสองสูตรนี้สามารถใช้ล้างห้องน้ำได้ผลดี เพราะผลิตขึ้นเองทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย อีกทั้งไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะทำจากพืชสมุนไพรที่มีในท้องถิ่น ซึ่งเป็นการยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
- นำน้ำยาล้างห้องน้ำสูตรมะกรูดกับสูตรสับปะรดไปใช้ปฏิบัติจริงกับโครงการจิตอาสาโดยล้างห้องน้ำบ้านตนเอง โรงเรียน วัด และชุมชน ซึ่งผลของการล้างห้องน้ำนี้เป็นการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม สอดคล้องกับคุณธรรมขั้นพื้นฐาน 8 ประการ ได้แก่ ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย สุภาพ สะอาด สามัคคี และมีน้ำใจ ดังรายละเอียด
คุณธรรมที่เกี่ยวข้อง
โครงงานคุณธรรม เรื่อง น้ำยาล้างห้องน้ำสูตรมะกรูดกับสูตรสับปะรด สอดคล้องกับคุณธรรมขั้นพื้นฐาน 8 ประการ ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง
คุณธรรม 8 ประการ | การปฏิบัติ / กิจกรรมของโครงงาน |
1. ขยัน | - มีความขยันในการศึกษาหาความรู้ - แบ่งเบาภาระผู้ปกครองและนักการภารโรงโดยล้างห้องน้ำที่บ้านตนเองและโรงเรียน วัด และชุมชน - ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์โดยช่วยกันทำโครงงานในวันหยุดเรียน |
2. ประหยัด | - ผลิตน้ำยาล้างห้องน้ำขึ้นใช้เองโดยนำไปใช้กับบ้านตนเอง ใช้กับโรงเรียน ใช้กับวัด และใช้กับชุมชน และให้เพื่อนๆในกลุ่มจิตอาสาไปใช้ที่บ้านตนเอง - ศึกษาวิธีการล้างห้องน้ำอย่างถูกต้องเพื่อประหยัดน้ำ ประหยัดน้ำยาล้างห้องน้ำและแรงงาน - ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำยา |
3. ซื่อสัตย์ | - ลงมือปฏิบัติล้างห้องน้ำที่บ้านตนเองด้วยความเป็นจริงไม่โกหก - อัตราส่วนการผสมในการทดลองทำน้ำยาล้างห้องน้ำสูตรมะกรูดกับสูตรสับปะรดต้องผสมตามความเป็นจริง ให้ตรงกับสูตรที่กำหนดไว้ - บรรจุน้ำยาล้างห้องน้ำให้ตรงตามที่ได้บอกปริมาตรไว้ |
4. มีวินัย | - เก็บเครื่องมือและอุปกรณ์ให้เป็นระเบียบวินัยเรียบร้อยโดยการทำความสะอาดเครื่องมือก่อนแล้วจึงเก็บเข้าที่ - ใช้ห้องน้ำอย่างมีสุขนิสัยที่ดี ไม่ทำให้ห้องน้ำสกปรกเลอะเทอะ - มีระเบียบวินัยในการรับผิดชอบโดยนำอุปกรณ์ต่างๆมาเป็นส่วนประกอบในการทำน้ำยาล้างห้องน้ำตามที่ได้นัดหมายกันไว้ - มีระเบียบวินัยในการมาร่วมกันทำโครงงานโดยนัดหมายตรงตามเวลา |
คุณธรรม 8 ประการ | การปฏิบัติ / กิจกรรมของโครงงาน |
5. สุภาพ | - ล้างห้องน้ำด้วยความตั้งใจ ไม่เล่นขณะปฏิบัติงาน ไม่ทะเลาะหรือเกี่ยงกัน - ปฏิบัติงานโดยแบ่งหน้าที่กัน โดยพูดจากันด้วยความสุภาพ - ล้างห้องน้ำอย่างถูกวิธี ด้วยความสุภาพ |
6. สะอาด | - ทำให้ห้องน้ำของบ้าน โรงเรียน วัด และชุมชนสะอาด - ทำให้มีสภาพแวดล้อมที่ดี - ทำให้ห้องน้ำปราศจากเชื้อโรค และไม่เป็นแหล่งแพร่เชื้อโรค - ไม่มีกลิ่นเหม็น - ปลูกจิตสำนึกให้เด็กนักเรียนทุกคนรักความสะอาดใช้ห้องน้ำอย่างมีความสุข |
7. สามัคคี | - กลุ่มผู้จัดทำโครงงานและเพื่อนๆ กลุ่มจิตอาสา ร่วมมือกันขัดห้องน้ำที่โรงเรียน วัด และชุมชน - สามัคคีกันในการจัดทำโครงงานและรวมกลุ่มจิตอาสาพัฒนาวัด โรงเรียน และชุมชน - สามัคคีกันสร้างจิตสำนึกที่ดีในการใช้ห้องน้ำของโรงเรียน ซึ่งเป็นของใช้ส่วนรวม จึงต้องช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดร่วมกันด้วยความสามัคคี |
8. มีน้ำใจ | - ช่วยแบ่งเบาภาระให้กับผู้ปกครอง นักการภารโรง ซึ่งแสดงถึงความมีน้ำใจ - มีน้ำใจ ในการที่จะทำความสะอาดวัด และสิ่งของเครื่องใช้ของชุมชน เช่นโทรศัพท์ และเครื่องออกกำลังกายตามสวนสาธารณะ - แบ่งปันน้ำยาล้างห้องน้ำสูตรมะกรูดกับสูตรสับปะรดให้กับครู เพื่อนนักเรียน และญาติพี่น้อง นำไปใช้ประโยชน์ในการล้างห้องน้ำ |
ประโยชน์ที่ได้จากโครงงาน
1. ทำน้ำยาล้างห้องน้ำขึ้นใช้เองได้โดยใช้วัสดุที่มีในท้องถิ่นเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย
2. ได้คุณธรรมขั้นพื้นฐาน 8 ประการ โดยผ่านการฝึกปฏิบัติจริงจากการล้างห้องน้ำ
3. ได้ความรู้เพิ่มเติมจากการทำโครงงานน้ำยาล้างห้องน้ำสูตรมะกรูด กับ สูตรสับปะรด ได้แก่ สรรพคุณของมะกรูด สรรพคุณของสับปะรด กากน้ำตาล เอ็น 70 ผงฟอง เป็นต้น
ข้อเสนอแนะ
ควรให้มีการทำโครงงานนี้ต่อไปสู่รุ่นน้องเพื่อทำน้ำยาล้างห้องน้ำใช้กับโรงเรียนตลอดปีการศึกษาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำยาตามท้องตลาดและเป็นการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมให้กับนักเรียน ซึ่งผ่านการฝึกปฏิบัติจริงจากการล้างห้องน้ำด้วยจิตอาสาของนักเรียนเอง
วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
บทที่2
บทที่ 2
การศึกษาเอกสารอ้างอิง
1. หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5และชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ชี้แนวการดำรงชีวิตและปฏิบัติตนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสแก่พสกนิกรชาวไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 และตรัสถึงอย่างชัดเจนในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 ภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจ พ.ศ. 2540 เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในกระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลง
เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่ยึดหลักทางสายกลางที่ชี้แนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติของประชาชนในทุกระดับไม่ใช่เพียงการประหยัด แต่เป็นการดำเนินชีวิตอย่างสมดุล และยั่งยืนเพื่อให้สามารถอยู่ได้แม้ในโลกโลกาภิวัตน์ที่มีการแข่งขันสูง
หลักแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
ประกอบด้วย 3 ห่วงกับ 2 เงื่อนไข “ทางสายกลาง” คือ พอประมาณ มีเหตุผล
มีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว
พอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเอง
และผู้อื่น
มีเหตุผล หมายถึง ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน รอบคอบ
เพื่อประกอบการวางแผนปฏิบัติ
มีภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมพร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่คาดว่า
จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล
ต้องอาศัย 2 เงื่อนไข
- รอบรู้ - ซื่อสัตย์สุจริต
- รอบคอบ - สติปัญญา
- ระมัดระวัง - ขยัน อดทน
- แบ่งปัน
คำว่า “พอเพียง” หมายถึง “พอมี พอกิน” คือ มีกิน มีอยู่ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่หรูหรา ไม่เบียดเบียน เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้หมายความว่าทุกครอบครัวต้องผลิตอาหารเพื่อบริโภคเอง ทอผ้าใส่เอง แต่สมาชิกในชุมชนของตนต้องมีความพอเพียง มีความพอประมาณ ไม่โลภมากและมีเหตุผล
2. ศึกษาค้นคว้าจากวีดีทัศน์หลักธรรมและชุดสื่อการเรียนรู้โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลกเรื่องหลักการและวิธีการล้างห้องน้ำ
กากน้ำตาลรู้จักรึเปล่า
กากน้ำตาล
กากน้ำตาล (molasses) เป็นของเหลวที่มีลักษณะเหนียวข้นสีน้ำตาลดำ ที่เป็นผลพลอยจากการผลิตน้ำตาลทรายจากอ้อย เนื่องจากกรรมวิธีการผลิตน้ำตาลทรายจากอ้อยนั้น เริ่มจากการนำอ้อยเข้าหีบได้น้ำอ้อย กรองเอากากออกจากน้ำอ้อยแล้วเคี่ยวน้ำอ้อยจนได้ผลึกของน้ำตาลทรายตกตะกอนออกมา แยกผลึกน้ำตาลทรายด้วยหม้อปั่น (centrifuge) ผลพลอยได้ที่สำคัญจาก การผลิตน้ำตาลทรายด้วยวิธีนี้ได้แก่ กากน้ำตาล
ขี้ตะกอน (filter cake) และกากอ้อย (bagasses)
กากน้ำตาลเป็นผลพลอยได้ที่มีค่ามากที่สุด เป็นส่วนของของเหลว ที่เหลือหลังจากการแยกเอาผลึกของน้ำตาลออกแล้วมีลักษณะ เหนียวข้น สีน้ำตาลเข้ม องค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นน้ำตาลซูโครสที่ไม่ตกผลึกในการผลิตน้ำตาลทราย จะมีกากน้ำตาลเป็นผลพลอยเกิดขึ้น 4 ถึง 6 % ของปริมาณอ้อยที่ใช้ในการผลิต กากน้ำตาลสามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิด
1. กากน้ำตาลที่ได้จากน้ำตาลทรายขาว มีน้ำตาลอยู่ประมาณ 50 – 60 %
2. กากน้ำตาลที่ได้จากการผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ มีน้ำตาลอยู่ประมาณ 48 %
3. กากน้ำตาลที่ได้จากการทำบางส่วนของน้ำอ้อยแปรสภาพให้เข้มข้นโดยระเหย วิธีนี้เป็นการผลิตน้ำตาลโดยตรง
ประโยชน์ที่ได้รับมีมากมาย ในกากน้ำตาลประกอบด้วย น้ำตาลประมาณ 50- 60 % และแร่ธาตุต่างๆ ประโยชน์ที่เห็นโดยตรง เช่น เป็นอาหารสัตว์ เนื่องจากกากน้ำตาล ประกอบด้วยน้ำตาลเป็นส่วนใหญ่ พลังงานที่เหมาะสมจึงมีราคาไม่แพง ในกากน้ำตาลมี ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ซึ่งเป็นอาหารที่สำคัญมาก นอกจากนี้กากน้ำตาลยังใช้ในอุตสาหกรรมหมักหลายชนิด เช่น อุตสาหกรรมหมักแอลกอฮอล์ สุรา กรด มะนาว กรดน้ำส้ม กรดแล็กติก ผงชูรส ยีสต์ขนมปังและอีกหลายอย่าง เนื่องจากกากน้ำตาลมีราคาถูกจึงเหมาะสมกว่าวัตถุดิบอื่นๆ
มะกรูดกับสับปะรดดียังไง?
สรรพคุณของมะกรูด
ในน้ำมะกรูด มีกรดซิตริก เป็นสารหลัก คาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน ฟอสฟอรัส แคลเซียม เหล็ก วิตามินบี1 วิตามินบี2 ไนอาซิน วิตามินซี และ ผิวมะกรูดมีน้ำมันหอม นอกจากนี้มะกรูดยังใช้ประกอบอาหารได้ด้วย แต่นิยมนำใบมาปรุงแต่งและปรุงรสอาหารโดยเฉพาะ นำมาใส่ในแกงกะทิ และแกงพวกเนื้อ ดับกลิ่นคาว หรือโรยหน้าห่อหมก และยอดอ่อนสามารถเก็บมาจิ้มกับน้ำพริกได้ด้วย
สรรพคุณและวิธีใช้
- น้ำในลูก ขับลมในลำไส้ แก้น้ำลายเหนียว แก้ปวดท้อง แก้โรคเลือดออกตามไรฟัน บีบน้ำมะกรูดลงคอ 5-6 หยด ทุก 5-10 นาที แก้ไอช่วยขับเสมหะแต่ควรใช้ให้ถูกฟันน้อยที่สุด เพราะเป็นกรดอาจทำลายเคลือบฟันได้
- ผิวลูกมะกรูด ขับลมในลำไส้ ปรุงเป็นยาลม ขับระดู แก้ปวดท้อง
- ใบแก้ไอ แก้อาเจียนเป็นเลือด แก้ช้ำใน มีสารต้านมะเร็ง
- ราก แก้ไข้ แก้กำเดา ถอนพิษ แก้ลมจุกเสียด แก้พิษฝืดภายใน แก้เสมหะ
- ลูกมะกรูด นำมาดองกินเป็นยาฟอกและบำรุงเลือด
สรรพคุณของสับปะรด
สับปะรด จัดได้ว่าเป็นผลไม้ที่หารับประทานง่าย และที่สำคัญในสับปะรดมีเอนไซม์อยู่ชนิดหนึ่งมีชื่อว่า โบรมิเรน มีคุณสมบัติในการย่อยโปรตีน จึงเป็นที่นิยมนำไปหมักกับเนื้อสัตว์ต่างๆ แกนกลางของสับปะรดที่คนส่วนใหญ่มักจะทิ้งและรับประทานแต่เนื้อสับปะรดนั้นไม่ดีเลย ในแกนกลางของสับปะรดนี่แหละที่มีประโยชน์อยู่มาก เพราะสารอาหารจะถูกสะสมไว้ที่แกนกลางมากกว่าส่วนเนื้อ โดยเฉพาะเอนไซม์โบรมิเรน ดังนั้นเวลารับประทานสับปะรดควรรับประทานเนื้อพร้อมกับแกนกลางด้วย
สรรพคุณ
- ใบสด เป็นยาขับปัสสาวะ แก้กระษัยทำให้ไตมีสุขภาพดีและใช้เป็นยาถ่ายหรือฆ่าพยาธิในท้อง
- ผล(ทั้งดิบและสุก) แก้ไอ แก้เสมหะ ระงับอาการอักเสบ น้ำลายเหนียว ขับปัสสาวะ ฟอกเลือด แก้บวม และถ้าเป็นผลดิบจะใช้ห้ามเลือด ขับระดู ฆ่าพยาธิ และถ้าเป็นผลสุกใช้ขับปัสสาวะ แก้หนองใน มุตกิด ช่วยย่อยอาหาร ขับเหงื่อ บำรุงกำลัง
- ราก ขับปัสสาวะ แก้นิ่ว แก้มุตกิด ระดูขาว แก้หนองใน แก้ขัดข้อ แก้กระษัย กัดและล้างทางเดินปัสสาวะ
- เปลือก แก้กระษัยทำให้ไตมีสุขภาพดี ขับปัสสาวะ ถ้าผสมกับสมุนไพรอื่นจะแก้ขัดเบายอดอ่อนสับปะรด แก้นิ่ว แก้นิ่วเลือด
วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
น้ำยาล้างห้องน้ำสูตรมะกรูดและสูตรสับปะรดมหัศจรรย์5สาว
บทที่ 1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
จากการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการใช้ห้องน้ำของโรงเรียนพบว่า หลังจากการใช้แล้วนักเรียนไม่สนใจการทำความสะอาดเท่าที่ควรเป็นภาระหนักให้กับนักการภารโรง ทำให้คณะผู้จัดทำโครงงานตระหนักถึงการปลูกฝังให้เพื่อนๆ และน้องๆ รักษาความสะอาดของห้องน้ำร่วมกัน เพราะห้องน้ำเป็นที่สำหรับปลดปล่อยของเสียจากร่างกายเราและเป็นแหล่งแพร่กระจายของเชื้อโรค จึงอยากให้นักเรียนมีจิตสำนึกที่ดีและเพื่อให้มีคุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการ ได้แก่ ความขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย สุภาพ สามัคคี สะอาด และมีน้ำใจ คณะผู้จัดทำโครงงานจึงได้อาสาขัดห้องน้ำเพื่อเป็นแบบอย่างการรักษาความสะอาด สร้างระเบียบวินัยในการใช้ห้องน้ำเพื่อแบ่งเบาภาระให้กับนักการภารโรงเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจ ความเสียสละ ความขยันขันแข็งในการร่วมงานกันกับกลุ่มเพื่อนจิตอาสาอีก 20 คน เพื่อเป็นแบบอย่างการสร้างสุขนิสัยการใช้ห้องน้ำของโรงเรียน และได้ขยายผลการทำความสะอาดนี้สู่บ้านของตนเอง สู่วัด และชุมชน ซึ่งชุมชนจะทำความสะอาดที่ตู้โทรศัพท์ อุปกรณ์การออกกำลังกายบางชิ้นในสวนสุขภาพ เพื่อให้ชุมชนสะอาด ไม่เป็นแหล่งแพร่กระจายของเชื้อโรค นอกจากนี้เรายังยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงโดยการผลิตน้ำยาขัดห้องน้ำ ทำจากวัตถุดิบที่มีในท้องถิ่นของเราคือ มะกรูด และเปลือกสับปะรด ซึ่งได้น้ำยาขัดห้องน้ำทั้งสูตรมะกรูดและสูตรเปลือกสับปะรดได้ปริมาณพอเพียงต่อการใช้ประโยชน์ขัดห้องน้ำตลอดจนจบสิ้นของโครงงาน นับว่าเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องซื้อน้ำยาขัดห้องน้ำจากท้องตลาดซึ่งมีราคาแพง
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
1. เพื่อปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมด้านการรักษาความสะอาด ให้มีสุขนิสัยที่ดีในการใช้ห้องน้ำทั้งของที่เป็นส่วนตัวและส่วนรวมที่ต้องใช้ร่วมกับผู้อื่น
2. เพื่อศึกษาขั้นตอนและวิธีการทำน้ำยาขัดห้องน้ำโดยใช้มะกรูดและเปลือกสับปะรด ปลูกฝังคุณธรรมด้านความประหยัดโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง
3. เพื่อฝึกทักษะการขัดห้องน้ำเป็นการปลูกฝังการทำงานร่วมกัน มีน้ำใจช่วยเหลือแบ่งเบาภาระให้กับผู้ปกครอง/นักการภารโรง
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. เพื่อยกระดับจิตใจของนักเรียนให้ใสสะอาด มีคุณธรรมจริยธรรมขั้นพื้นฐาน 8 ประการ
2. เพื่อให้ดำเนินชีวิตโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง สามารถผลิตน้ำยาขัดห้องน้ำ โดยนำมาใช้เองหรือจำหน่ายเพื่อประกอบอาชีพได้
ขอบเขตของการศึกษา
1. การศึกษาวิธีการทำน้ำยาขัดห้องน้ำจากวิทยากรท้องถิ่น การลงมือปฏิบัติการจริงโดยขัดห้องน้ำที่บ้านตนเอง โรงเรียน วัด และตู้โทรศัพท์สาธารณะของชุมชน ตลอดจนอุปกรณ์ออกกำลังกายในสวนสุขภาพ
2. ระยะเวลาดำเนินโครงงาน มิถุนายน – พฤศจิกายน
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)